วันจันทร์ที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

การทำภาพแบบ Sepia



 การทำภาพแบบ Sepia
 
ในบทความนี้เราจะมาเปลี่ยนภาพปกติด ให้กลายเป็นภาพแบบ Sepia กันค่ะ วิธทำก็ไม่ยุ่งยากค่ะ มีขั้นตอนแค่เพียงไม่กี่ขั้นตอนค่ะ ใครสนใจเชิญทางนี้ค่ะ
   
 
ขั้นตอนการทำภาพ Sepia มีดังนี้ค่ะ

ขั้นตอนที่ 1 เริ่มต้นเปิดไฟล์ภาพที่เราต้องการนำมาปรับแต่ง โดยไปที่เมนูบาร์ คลิกที่ File --> Open
 
  
  
   
ขั้นตอนที่ 2 เลือกคำสั่ง Image--> Adjustments --> Desaturate จะได้ผลลัพธ์ดังภาพค่ะ
  
   
ขั้นตอนที่ 3 เลือกคำสั่ง Image--> Adjustments --> Color Balance จะปรากฏไดอะล็อกบ็อก Color Balance ปรากฏขึ้น ให้กำหนดรายละเอียดของค่าต่าง ๆ ตามภาพค่ะ จากนั้นคลิกปุ่ม OK
  
   
ทำเสร็จแล้วค่ะ เพียงแค่นี้ภาพของเราก็จะเปลี่ยนไปเป็นภาพ Sepia แล้วค่ะ ทำได้ง่าย ๆ อย่างที่บอกเลยนะค่ะ
 




วีดิโอตัวอย่าง







การหมุนภาพ (Rotate) และการกลับด้านภาพ (Flip)


การหมุนภาพ (Rotate) และการกลับด้านภาพ (Flip)
บทความนี้จะมาทำการเรียนรู้วิธีการหมุนและกลับด้านภาพกันค่ะ เป็นบทความพื้นฐานที่ทำได้ง่าย ๆ แต่หากไม่ทราบก็จะทำให้การตกแต่งภาพไม่สามารถทำได้อย่างที่ต้องการได้ ดังนั้นเราควรมีความรู้ในเรื่องนี้ไว้ค่ะ
การตกแต่งภาพใน Photoshop ในบางครั้งเราจะต้องทำการหมุนหรือกลับด้านภาพ ซึ่งมีลักษณะการใช้อยู่ 2 แบบคือ

1. การหมุนและกลับด้านแบบทั้งชิ้นงาน
2. การหมุนและกลับด้านภาพเฉพาะเลเยอร์

วิธีการหมุนภาพ
1 การหมุนภาพแบบทั้งชิ้นงาน สามารถทำได้โดยเลือกคำสั่ง Image --> Rotate Canvas แล้วเลือก
180 องศา เพื่อหมุนภาพจากเดิมไป 180 องศา หรือ
90 องศา CW เพื่อหมุนภาพจากเดิมไป 90 องศาในทิศทางตามเข็มนาฬิกา หรือ
90 องศา CCW เพื่อหมุนภาพจากเดิมไป 90 องศาในทิศทางทวนเข็มนาฬิกา หรือ
Arbritary ... เลือกแบบสามารถกำหนดองศาที่ต้องการหมุนภาพ โดยสามารถเลือกได้ว่าต้องการให้มีทิศทางทวนหรือตามเข็มนาฬิกา

2.การหมุนภาพเฉพาะเลเยอร์ การหมุนภาพเฉพาะเลเยอร์นั้น ให้เราทำการคลิกเลือกเลเยอร์ที่ ต้องการหมุนก่อน จากนั้นสามารถทำได้โดยเลือกใช้คำสั่ง Edit --> Transform จากนั้นเลือก
Rotate 180 องศา เพื่อหมุนภาพจากเดิมไป 180 องศา หรือ
Rotate 90 องศา CW เพื่อหมุนภาพจากเดิมไป 90 องศาในทิศทางตามเข็มนาฬิกา หรือ
Rotate 90 องศา CCW เพื่อหมุนภาพจากเดิมไป 90 องศาในทิศทางทวนเข็มนาฬิกา
ผลลัพธ์การใช้งานทั้งสองรูปแบบจะทำให้ได้เกิดการหมุนภาพเหมือนกัน แต่แตกต่างกันที่คำสั่งการหมุนภาพทั้งชิ้นงาน จะทำให้ภาพในทุก ๆ เลเยอร์หมุนตามคำสั่งที่ใช้ แต่การใช้คำสั่งแบบที่ 2 จะทำให้ภาพในเลเยอร์ที่เลือกไว้เท่านั้นที่เกิดการหมุนตามคำสั่งที่ใช้ โดยภาพในเลเยอร์อื่น ๆ ยังคงมีลักษณะเหมือนเดิม

นอกจากนี้แล้ว เรายังสามารถหมุนภาพได้อิสระโดยไม่จำเป็นต้องทำการกำหนดค่าเป็นองศาได้ แต่วิธีการนี้จะสามารถใช้หมุนภาพเฉพาะในเลเยอร์เท่านั้น โดยใช้คำสั่ง Edit --> Transform --> Rotate ซึ่งจะทำให้ภาพในเลเยอร์ที่เราเลือกไว้ เกิดลักษณะเส้นขอบดังภาพด้านล่าง ซึ่งเราสามารถใช้เมาส์เคลื่อนเข้าไปใกล้ ๆ บริเวณที่เป็นรูปสี่เหลี่ยมบนเส้นขอบ จะทำให้สัญลักษณ์ของเมาส์เปลี่ยนเป็นเส้นโค้งมีลูกศรทั้งสองข้าง ให้เราคลิกมาค้างไว้ แล้วลากเมาส์จะทำให้ภาพของเราหมุนไปตามทิศทางที่ลากเมาส์

หากเราสังเกตที่รูปเราจะเห็นสัญลักษณ์ที่จุดศูนย์กลางของรูป ซึ่งเจ้าสัญลักษณ์นี้ เป็นตัวกำหนดจุดศูนย์กลางของการหมุนภาพ เราสามารถเลื่อนสัญลักษณ์ของตำแหน่งนี้ไปไว้ที่ตำแหน่งไหนก็ได้ ลองทำดูนะค่ะ ว่าจะแตกต่างจากปกติอย่างไร


การกลับด้านภาพ
เป็นลักษณะการกลับภาพจากซ้ายไปขวา หรือลักษณะการกลับด้านแบบที่มองเห็นในกระจกเงาค่ะ มีด้วยกัน 2 แบบเหมือน ๆ กลับการหมุนภาพ นั้นก็คือ

1. การกลับด้านภาพแบบทั้งชิ้นงาน สามารถทำได้โดยการเลือกคำสั่ง Image --> Rotate Canvas แล้วเลือก
Flip Canvas Horizontal สำหรับกลับด้านภาพในลักษณะแนวนอน หรือ
Flip Canvas Vertical สำหรับกลับด้านภาพในลักษณะแนวตั้ง

2. การกลับด้านภาพเฉพาะเลเยอร์ สามารถทำได้โดยการเลือกเลเยอร์ที่ต้องการกลับด้านภาพ จากนั้นเลือกคำสั่ง Edit --> Transform แล้วเลือก
Flip Horizontal สำหรับกลับด้านภาพในลักษณะแนวนอน หรือ
Flip Vertical สำหรับกลับด้านภาพในลักษณะแนวตั้ง






วีดิโอตัวอย่าง





มาสร้าง pattern สำหรับ Photoshop กันเถอะ



มาสร้าง pattern สำหรับ Photoshop กันเถอะ




ขั้นตอนที่ 1 เริ่มแรกเลย... สร้างชิ้นงานขึ้นมาใหม่ โดยการใช้คำสั่ง File --> New และเลือกลิสต์ของ Background Content เป็นแบบ Transparent เพื่อให้ให้พื้นหลังโปร่งใส โดยกำหนดขนาด 8 x 8 pixels

เมื่อได้พื้นที่ชิ้นงานแล้ว เราจะเห็นว่ามันมีขนาดเล็กมาก ๆ ให้ทำการขยายมุมมองเพิ่มขึ้น โดยการกดปุ่ม Ctrl พร้อมกับเครื่องหมาย + ของ Num Lock ลองกดปุ่มเครื่องหมาย + ย้ำ ๆๆ จนภาพขยายจนสุด
หลังจากนั้น ทำการ Select ให้ได้ดังภาพที่ 1 และเทสีลงไป หรือใครจะใช้วิธี สร้างเลเยอะขึ้นมาใหม่อีก 1 Layer แล้วเทสีลงไปทั้งหมด จากนั้น Select แล้วลบบางส่วนออกก็ได้ ซึ่งจะได้ผลลัพธ์ตามภาพที่ 1

ขั้นตอนที่ 2 ให้ทำการ Select All ชิ้นงาน แล้วคลิกคำส่ง Edit --> Define pattern ตามภาพที่ 2

ขั้นตอนที่ 3 เป็นขั้นตอนการตั้งชื่อ Pattern เพื่อเก็บ pattern ไว้ใช้ หลังตั้งชื่อแล้ว กด OK ได้เลยค่ะ
แค่นี้ละค่ะ เสร็จขั้นตอนการสร้าง pattern เรียบร้อยแล้วค่ะ

สำหรับการเรียกใช้ pattern ที่เราเคยสร้างและเก็บไว้ ก็ทำได้ง่าย ๆ ค่ะ ลองสร้างชิ้นงานขึ้นมาใหม่นะค่ะ ขนาดเท่าไหร่ เป็นสีอะไรก็ได้ (ขอให้มีสีตัดกับ pattern ที่เราจะใช้นิดนึงค่ะ)


จากนั้นเมื่อได้ชิ้นงานแล้ว ให้ใช้คำสั่ง Edit --> Fill จะมีไดอะล็อกขึ้นมาตามภาพที่ 4 ให้คลิกที่ use เป็น pattern แล้วเราก็จะเจอ pattern ที่เราเคยตั้งชื่อไว้ในขั้นตอนที่ 3 ให้คลิกเลือกที่ชื่อ pattern ที่ต้องการใช้ จากนั้นคลิก OK ผลลัพธ์ก็จะได้ตามภาพค่ะ

สำหรับเทคนิคการใช้งาน pattern ก็คือ การ Fill ภาพ pattern ที่เราเลือก โดยการเอา pattern มาเรียงต่อกันอัตโนมัติ จากรูป pattern ที่เราได้สร้างเราจะเห็นว่ามันมีขนาดเล็กนิดเดียว ถ้าทำมือคงยากและเสียเวลามาก ซึ่งสามารถใช้เทคนิค Fill pattern มาช่วยได้









วีดิโอตัวอย่าง

การ Selection ภาพที่มีลักษณะเป็นขน

การ Selection ภาพที่มีลักษณะเป็นขน


ก่อนอื่น เราก็ใช้ Photoshop เปิดภาพที่เราจะ Select ขึ้นมาก่อนเลยค่ะ Webmaster ขอใช้นายแบบเดิม ๆ คือเจ้าเหมียวที่เราเคยใช้เป็นแบบ ตอนทำบทความเรื่อง "การทำภาพแบบ Sepia" เมื่อได้นายแบบขนฟูมาแล้วก็เริ่มทำกันเลยค่ะ

ขั้นตอนที่ 1 ไปที่เมนูบาร์ เลือกใช้คำสั่ง Filter --> Extract หลังจากนั้นจะมีหน้าต่าง Extract ขึ้นมา จากนั้นให้คลิกเลือกเครื่องมือ Edge Highlighter Tool

จากนั้นให้ลาก Select ไปตามขอบของรูปภาพตามที่ต้องการจะ Select ตามภาพที่ 1 (หากหัวแปรงใหญ่เกินไปให้สังเกตบริเวณ Tool Options ที่อยู่บริเวณฝั่งขวามือ และลดค่า Brush Size ลง)
ขั้นตอนที่ 2 คลิกเลือกเครื่องมือ Fill Tool จากนั้นเทสีลงไป จะได้ลักษณะตามภาพที่ 2
แค่นี้ก็เสร็จแล้วค่ะ ลองกดที่ปุ่ม Preview ดูสิค่ะ ก็จะเห็นลักษณะตามภาพที่ 3 หาก OK แล้วก็กดปุ่ม OK ได้เลยค่ะ
ไม่ยากเลยใช้ไหมละค่ะ พอได้ถึงขั้นนี้แล้ว เราก็สามารถเอาภาพไปใช้งานต่อได้แล้วค่ะ ถึงแม้ว่าจะออกมาไม่เนี้ยบมากนัก ต้องเอามาตกแต่งอีกนิดหน่อย แต่ก็ดูเป็นธรรมชาติมากกว่าการใช้ Tool Selection ตัวอื่น ๆ ค่ะ 
เป็นไงค่ะ นายแบบขนฟูของ Webmaster ได้เปลี่ยนบรรยากาศแล้ว หนวดอาจหายไปข้างนึง แต่จะหมดปัญหานี้ หากเอาเทคนิคนี้ไปใช้กับนายแบบที่เป็นเจ้าตูบ ... (ซะที่ไหนกันเล่า) ...จริง ๆ แล้วขึ้นอยู่กับรูปต้นฉบับค่ะ และความละเอียดตอนที่ Select ด้วยค่ะ ถ้าใจเย็น Select แบบไม่รีบร้อนอาจจะมีหนวดก็ได้ค่ะ เพื่อน ๆ ลอง Select ดูนะค่ะ ...เจ้าเหมียวอาจมีหนวดค่ะ อิอิ...จบแล้วค่ะ




                                                                                                วีดิโอตัวอย่าง



มากำหนด Brush Tip Shape กัน



มากำหนด Brush Tip Shape กัน
ตอนแรกที่เตรียมบทความนี้ กะจะตั้งชื่อว่าเป็นการทำเส้นแบบ dot ด้วยโปรแกรม Photoshop แต่จริง ๆ แล้วมันก็ไม่ใช่ลักษณะแบบ dot ซะทีเดียว เอาเป็นว่าเป็น Tip Photoshop แล้วกันนะค่ะ เผื่อว่าใครจะไป App ก็สุดแต่ไอเดียร์ของแต่ละคนนะค่ะ

ในบทความนี้ก็เป็น Tip ง่าย ๆ ค่ะ แต่ก็รู้ไว้ไม่เสียหายค่ะ

เริ่มแรกเลยนะค่ะ ก็ให้เราคลิกที่ Brush Tool นะค่ะ จากนั้นดูที่ Option Bar ด้านบนตรงมุมขวา แล้วคลิกเลือกที่แท็บ Brush ซึ่งส่วนนี้จะเป็น Option ของ Brush
ลำดับต่อมาให้เลือกที่ Brush Tip Shape ซึ่งจะมีการให้เราเลือกรูปแบบหัวแปลง ขนาดหัวแปรง และความห่างของหัวแปลงแต่ละจุด เพื่อนๆ ลองกำหนดดูค่ะ
เมื่อเรากำหนดได้แล้ว เพื่อนลองสร้างชิ้นงานใหม่ และลาก Brush ดูค่ะ ก็จะได้ผลลัพธ์ออกมาค่ะ แล้วลองไปรับ Brush Tip Shape เป็นแบบอื่น ๆ ดูอีกก็ได้ค่ะ แล้วลองมาลากเส้น Brush ก็จะออกมาได้หลายรูปแบบค่ะ ตามผลลัพธ์ของ Webmaster ก็ลองปรับเล่นหลาย ๆ หัวแปลง ก็ได้มาตามนี้ละค่ะ 




วีดิโอตัวอย่าง

ลบริ้วรอย จุดไฝ บนใบหน้าด้วยการใช้ Stamp Tool


ลบริ้วรอย จุดไฝ บนใบหน้าด้วยการใช้ Stamp Tool
บทความนี้เราจะมาใช้ photoshop ลบริ้วรอย จุดไฝ บนใบหน้า โดยการใช้เครื่องมือที่มีชื่อเรียกว่า Stamp ซึ่งเป็นเครื่องมือที่นิยมใช้ในการตกแต่ง และรีทัชภาพ ใครสนใจก็เข้ามาดูกันได้ที่ Workshop นี้ค่ะ

สำหรับเครื่องมือตัวนี้ นิยมใช้สำหรับการรีทัชภาพ เพื่อลบริ้วรอยต่าง ๆ โดยใช้หลักการทำสำเนาภาพ จากจุดหนึ่งไปยัง อีกจุดหนึ่ง

ลำดับแรกให้เพื่อน ๆ เปิดรูปที่ต้องการจะตกแต่งเข้ามาในโปรแกรม photoshop จากนั้นคลิกที่เครื่องมือที่มีชื่อว่า Clone Stamp Tool ดังภาพที่ 1 ค่ะ



เมื่อเราเลือกที่เครื่องมือ Clone Stamp Tool แล้ว สังเกตบริเวณออฟชั่นบาร์บริเวณด้านบน จากนั้นกำหนดค่า Flow = 40 และทำการกดปุ่ม กดปุ่ม Shift+[ ย้ำ ๆ ซัก 5-6 ที

โดยขั้นตอนนี้ ในส่วนของค่า Flow เราปรับค่าให้น้อยลงเพื่อให้ การ Stamp มีลักษณะเป็นแบบกึงโปร่งใส (มีหลักษณะบางกว่าปกติ) และการ Shift+[ ก็เพื่อให้ขอบรอบ ๆ ของการ Stamp มีลักษณะแบบคล้าย ๆ การทำ feather ซึ่งทำให้ขอบเป็นลักษณะบางลง ทั้งนี้ก็เพื่อให้การรีทัชดูสมจริง

เมื่อปรับค่าต่าง ๆ ได้แล้ว ให้ทำการกดปุ่ม Alt ค้างไว้ พร้อม ๆ กับการคลิกเมาส์ ลงบริเวณใกล้ ๆ กับจุดที่ต้องการจะลบ (เป็นการคัดลอกพื้นผิวที่ดี) จากนั้นปล่อยปุ่ม Alt แล้วคลิกเมาส์ลงบริเวณตำแหน่งของริ้วรอยที่จะลบ (เป็นการวางพื้นผิวที่เราได้คัดลอกไว้ทับลงไป)
การ Stamp นั้นเป็นการคัดลอกแบบสำเนาทั้งชิ้นงาน ดังนั้นหากเราทำการกดปุ่ม Alt แค่ครั้งเดียว แล้วเรากด Stamp ลงไปหนึ่งครั้ง ก็จะเป็นการวางพื้นผิวเท่ากับขนาดหัว Stamp ลงไป แต่ถ้าหากเรายังคงคลิกต่อ ๆ ไปเรื่อย ๆ ก็จะเหมือนกับเราขยาย ๆ บริเวณพื้นทีการ Stamp ต่อไป ซึ่งอาจจะทำให้มีส่วนที่มีพื้นผิวที่ไม่เหมือนกัน Stamp ต่อไปเรื่อย ๆ ซึ่งอาจจะไปลบบริเวณที่ดีอยู่แล้วก็ได้ ดังนั้นเราจึงต้องขยันกดปุ่ม Alt สลับกับการคลิกเมาส์บ่อย ๆ เพื่อให้การคัดลอก และวางตรงกับที่เราต้องการ



อธิบายแล้วอาจจะงง ลองเอาไปทำดูนะค่ะ จะเห็นภาพและเข้าใจได้ง่ายขึ้น สำหรับรับบทความนี้ท้ายสุด ก็จะได้ผลลัพธ์ตามภาพที่ 2 ค่ะ

ซึ่งเทคนิคการ Stamp นี้ ก็เป็นเทคนิคที่เราจะต้องใช้บ่อย ๆ ในการตกแต่งภาพในโปรแกรม Photoshop ดังนั้นรู้ไว้รับรองเป็นประโยชน์แน่นอนค่ะ

Tip Photoshop
วิธีการปรับความบางเบาของหัว brush และ Stamp 
คีย์ลัด เพิ่มให้หนาขึ้น กดปุม shift+]
คีย์ลัด ลดให้หนาลง กดปุม shift+[

วิธีการปรับขนาดของหัว brush และ Stamp 
คีย์ลัด เพิ่มให้ขนาดใหญาขึ้น กดปุม ]
คีย์ลัด ลดให้ขนาดเล็กลง กดปุม [




                                            วีดิโอตัวอย่าง







เทคนิคทำภาพแนว LOMO อย่างง่าย ๆ


 เทคนิคทำภาพแนว LOMO อย่างง่าย ๆ
 
ในบทความนี้ Webmaster นำเทคนิค Photoshop เกี่ยวกับการทำภาพ LOMO อย่างง่าย ๆ มาฝากเพื่อน ๆ ทุก ๆ คนค่ะ ลองทำดูค่ะ ไม่ยากค่ะ มีขั้นตอนการทำไม่กี่ขั้นตอนเท่าขั้น
   
  
   
ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกับภาพแนวโลโมกันก่อนน่ะค่ะ สำหรับเจ้าภาพแนวโลโมนั้น เดิมที่เป็นภาพที่ได้จากการถ่ายภาพด้วยกล้อง LOMO กล่องสันชาติรัสเซีย ซึ่งเมื่อก่อนนี้ออกแบบกล้องชนิดนี้ขึ้นมา เพื่อใช้ในงานหน่ายสายลับ โดย LOMO ย่อมาจาก Leningrad Optical Machinery Organization ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ทำหน้าที่ผลิตเลนส์เพื่อใช้ในโครงการอวกาศของกิจการกอง ทัพและผลิตเลนส์ที่ใช้ในกล้องโทรทัศน์ .... อ่านต่อที่นี่
  
   
เริ่มต้นสร้างภาพแนวโลโม

ขั้นตอนที่ 1 เปิดภาพที่คุณต้องการทำภาพแนว LOMO จากตัวอยากต้นฉบับภาพที่จะนำมาใช้ตามรูปที่ 1 จากนั้นให้คุณใช้คำสั่ง Image ---> Adjusments --->Curves ... ปรับค่าให้ได้ตามภาพตำแหน่งที่ 1
  
   
ขั้นตอนที่ 2 ให้ใช้คำสั่ง Image ---> Adjusments --->Color Balance ครั้งแรก ปรับค่าต่าง ๆ ตามภาพตำแหน่งที่ 2 จากนั้นใช้คำสั่ง Color Balance อีกครั้งและปรับค่าต่าง ๆ ตามภาพตำแหน่งที่ 3
  
   
ขั้นตอนที่ 3 ใช้คำสั่ง Layyer ---> New Fill Layer --->Gredient จะปรากฏภาพดังตำแหน่งที่ 4 ให้ทำการปรับค่าต่าง ๆ ให้ได้ตามภาพที่ตำแหน่งที่ 4 จากนั้นให้คลิกที่แถบสี Gredient แล้วปรับค่าต่าง ๆ ตามภาพตำแหน่งที่ 5
  
   
เพียงเท่านี้ก็จะได้ภาพแนว LOMO อย่างง่าย ๆ แล้วค่ะ ผลลัพธ์ที่ได้ก็ได้ตามภาพสุดท้ายค่ะ ภาพดูจะมีสีสันมากขึ้น ดูดึงดูดสายตาได้ดีกว่าภาพต้นฉบับ สีสันดูแปลกตา... สำหรับบทความนี้ก็จบแต่เพียงเท่านี้