วันจันทร์ที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

การสถาปนาอาณาจักรสุโขทัย

                                                               
                                                             การสถาปนาอาณาจักรสุโขทัย
         

          อาณาจักรสุโขทัยเป็นอาณาจักรของคนไทยที่ได้รับการสถาปนาขึ้นใน พ.ศ. 1792  ก่อนหน้าที่จะมีการสถาปนาอาณาจักรสุโขทัยขึ้นมานั้น  สุโขทัยเป็นเมืองเก่าแก่ที่มีความเจริญรุ่งเรืองมาก่อน  จากการตีความในศิลาจารึกหลักที่ 2 (วัดศรีชุม)  พอจะสรุปความได้ว่า  เมืองสุโขทัยแต่เดิมมีผู้นำคนไทยชื่อ  พ่อขุนศรีนาวนำถุม  เป็นเจ้าเมืองปกครองอยู่  เมื่อพระองค์สิ้นพระชนม์  ขอมสบาดโขลญลำพง  ขุนนางขอมได้นำกำลังเข้ายึดกรุงสุโขทัยไว้ได้
          เมื่อพวกขอมเริ่มเสื่อมอำนาจลง  ในปี พ.ศ. 1780  ได้มีผู้นำ 2 ท่าน  คือ  พ่อขุนบางกลางหาว  และพ่อขุนผาเมือง  ซึ่งเป็นผู้นำคนไทยได้ร่วมมือกันรวบรวมกำลังเข้าขับไล่ขอมออกจากดินแดนแถบนี้และตั้งตนเป็นอิสระ  พร้อมกับสถาปนากรุงสุโขทัยเป็นราชธานีของอาณาจักรไทย  และได้สถาปนาพ่อขุนบางกลางหาวขึ้นเป็นกษัตริย์ปกครองกรุงสุโขทัยทรงพระนามว่า  พ่อขุนศรีอินทราทิตย์  นับเป็นปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์สุโขทัยหรือราชวงศ์พระร่วง  นับตั้งแต่ พ.ศ. 1792  เป็นต้นมา
               ปัจจัยที่เอื้อต่อการสถาปนาอาณาจักรสุโขทัยเป็นราชธานี  มีดังนี้
               1.  ปัจจัยภายใน  ได้แก่  การมีขวัญและกำลังใจดีของประชาชนเนื่องจากมีผู้นำที่เข้มแข็งและมีความสามารถ  การมีนิสัยรักอิสระ  ไม่ชอบให้ผู้ใดมากดขี่ข่มเหง  บังคับและบ้านเมืองมีความอุดมสมบูรณ์
               2.  ปัจจัยภายนอก  ได้แก่  การเสื่อมอำนาจของขอม  หลังจากที่พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 สิ้นพระชนม์ลง  กษัตริย์องค์ต่อมาไม่สามารถรักษาอำนาจของตนในดินแดนที่ยึดครองมาได้  ทำให้หัวเมืองต่าง ๆ พากันตั้งตนเป็นอิสระ
          ระยะเริ่มต้นของการสถาปนากรุงสุโขทัยเป็นราชธานี  โดยเฉพาะในสมัยพ่อขุนศรีอินทราทิตย์  บ้านเมืองยังไม่มั่นคงมากนัก  คนไทยยังอยู่กันอย่างกระจัดกระจาย  บางเมืองยังคงมีอิสระในการปกครองตนเอง  ไม่มีการรวมอำนาจไว้ ณ ศูนย์กลางเมืองใดเมืองหนึ่งโดยตรง  บางครั้งจึงมีการทำสงครามกันเพื่อแย่งชิงอำนาจและขยายอาณาเขตของเมือง  เช่น  ขุนสามชนเจ้าเมืองฉอดได้ยกทัพมาตีเมืองตาก 
          เมื่อสิ้นรัชสมัยของพ่อขุนศรีอินทราทิตย์  พระราชโอรสองค์ใหญ่  คือ  พ่อขุนบานเมือง  ได้ขึ้นครองราชย์  สมัยนี้สุโขทัยได้ขยายอำนาจทางการเมืองด้วยการทำสงครามกับหัวเมืองต่าง ๆ โดยมีพระอนุชา  คือ  พระรามคำแหง  เป็นกำลังสำคัญ  ซึ่งต่อมาพระองค์ได้ขึ้นครองราชย์สืบต่อจากพ่อขุนบานเมือง
          ในสมัยพ่อขุนรามคำแหง  พระองค์ทรงเป็นแม่ทัพไปปราบเมืองต่าง ๆ จนเป็นที่เกรงขามของอาณาจักรอื่น ๆ ดังนั้นเมื่อพระองค์ขึ้นครองราชย์จึงมีหลายเมืองที่ยอมอ่อนน้อมเข้ารวมอยู่กับอาณาจักรสุโขทัย  โดยพ่อขุนรามคำแหงมหาราชมิได้ส่งกองทัพไปรบ  ได้แก่  เมืองหงสาวดี  เมืองสุพรรณบุรี  เมืองเพชรบุรี  เมืองราชบุรี  เมืองหลวงพระบาง  เมืองเวียงจันทน์  และเมืองนครศรีธรรมชาติ  ทำให้อาณาจักรสุโขทัยมีอาณาเขตแผ่ขยายออกไปกว้างขวางมาก  ดังปรากฏในศิลาจารึกหลักที่ 1 ดังนี้
               ทิศเหนือ           ครอบคลุมเมืองแพร่  น่าน  พลัว  จนถึงเมืองหลวงพระบาง
               ทิศใต้               ครอบคลุมเมืองคณฑี (กำแพงเพชร)  พระบาง (นครสวรรค์)  แพรก (ชัยนาท)  สุพรรณบุรี  ราชบุรี  เพชรบุรี  นครศรีธรรมราช  จนถึงแหลมมลายู
               ทิศตะวันออก      ครอบคลุมเมืองสระหลวงสองแคว (พิษณุโลก)  ลุมบาจาย (หล่มเก่า)  สระคา  และข้ามฝั่งแม่น้ำโขงไปถึงเมืองเวียงจันทน์และเวียงคำ
               ทิศตะวันตก        ครอบคลุมเมืองฉอด  หงสาวดี  จนถึงชายฝั่งทะเลด้านอ่าวเบงกอล
          ขณะเดียวกันพ่อขุนรามคำแหงมหาราชทรงใช้หลักธรรมในการปกครองเพื่อให้ประชาชนได้อยู่เย็นเป็นสุข  ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เจ้าเมืองต่าง ๆ เหล่านี้สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ  ทำให้สุโขทัยปราศจากข้าศึกศัตรูในทุกทิศ  นับได้ว่าในรัชสมัยพ่อขุนรามคำแหงมหาราช  เป็นช่วงสมัยที่อาณาจักรสุโขทัยมีความเจริญรุ่งเรืองสูงสุด
          หลังจากสิ้นรัชสมัยพ่อขุนรามคำแหงมหาราช  มีกษัตริย์ขึ้นครองราชย์อีก 2 พระองค์  คือ  พญาเลอไทย  และพญางั่วนำถม  แต่อาณาจักรสุโขทัยก็เริ่มเสื่อมอำนาจลง  บรรดาเมืองต่าง ๆ ที่อยู่ภายใต้การปกครองของสุโขทัยได้แยกตัวเป็นอิสระและเมืองประเทศราชที่มีกำลังเข้มแข็งต่างพากันแยกตัวไม่ขึ้นต่อกรุงสุโขทัย  เช่น  เมืองพงสาวดี  เมืองนครศรีธรรมราช  เป็นต้น  นอกจากนี้ในตอนปลายรัชสมัยพญางั่วนำถมยังเกิดจลาจลขึ้นอีก  เนื่องจากมีการแย่งชิงราชสมบัติจนพญาลิไทยเจ้าเมืองศรีสัชนาลัยต้องยกกำลังมาปราบ  ทำให้บ้านเมืองสงบลง
          หลังทรงปราบจลาจลในกรุงสุโขทัยได้สำเร็จ  พญาลิไทยได้ปราบดาภิเษกขึ้นเป็นกษัตริย์ครองราชสมบัติ  ทรงพระนามว่า  พระมหาธรรมราชาที่ 1  พระองค์ทรงพยายามสร้างอำนาจทางการเมือง  เพื่อพัฒนาบ้านเมืองให้เข้มแข็งมาใหม่  อย่างไรก็ตามอาณาเขตของอาณาจักรสุโขทัยในรัชสมัยพระมหาธรรมราชาที่ 1  ก็ได้ลดลงไปมากกว่าครึ่งเมื่อเทียบกับสมัยพ่อขุนรามคำแหงมหาราช  ต่อมาเมื่อสิ้นรัชสมัยของพระมหาธรรมราชาที่ 1 แล้ว  มีพระมหากษัตริย์ขึ้นครองราชย์สืบต่อมาอีก 3 พระองค์  คือ  พระมหาธรรมราชาที่ 2  พระมหาธรรมราชาที่ 3  (ไสลือไทย)  และพระมหาธรรมราชาที่ 4 (บรมปาล)  แต่ในช่วงเวลาดังกล่าวอาณาจักรสุโขทัยเริ่มเสื่อมอำนาจ
          กรุงสุโขทัย  มีกษัตริย์ปกครอง 9 พระองค์  ดังนี้
          1.  พ่อขุนศรีอินทราทิตย์                                              2.  พ่อขุนบานเมือง
          3.  พ่อขุนรามคำแหงมหาราช                                        4.  พญาเลอไทย
          5.  พญางั่วนำถม                                                      6.   สมเด็จพระมหาธรรมราชาที่ 1 (ลิไทย)
          7.  สมเด็จพระมหาธรรมราชาที่ 2                                   8.  สมเด็จพระมหาธรรมราชาที่ 3  (ไสลือไทย)
          9.  สมเด็จพระมหาธรรมราชาที่ 4  (บรมปาล)


ที่มาและได้รับอนุญาตจาก  :
เอกรินทร์  สี่มหาศาล  และคณะ . ประวัติศาสตร์ ป.4 . พิมพ์ครั้งที่ 2 . กรุงเทพ ฯ : อักษรเจริญทัศน์
 




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น